top of page

ARTICLES

ALL ABOUT MINERAL WATER

จริงหรือไม่? การดื่มน้ำแร่เป็นประจำ ทำให้เป็นนิ่ว
 

บางคนชอบดื่มน้ำแร่เพราะคิดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่กล้าดื่มน้ำแร่ เพราะคิดว่าถ้าดื่มเป็นประจำจะทำให้มีแร่ธาตุไปสะสมในกระเพาะปัสสาวะ อาจจะเป็นนิ่วได้ง่าย ๆ ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากค่ะ

   “ไม่จริง” การดื่มน้ำแร่ไม่ได้ทำให้เป็นนิ่ว น้ำแร่เป็นน้ำที่ได้จากธรรมชาติและมีแร่ธาตุอยู่หลายชนิด เช่น น้ำแร่ไบคาร์บอเนต น้ำแร่ซัลเฟต น้ำแร่ซัลเฟต-ไบคาร์บอเนต น้ำแร่แคลเซียม เป็นต้น แต่ละชนิดก็จะให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ดื่มแล้วจะได้ประโยชน์จากน้ำแร่ และควรระวังอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ คือ ผู้ที่บวมน้ำ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารปริมาณมาก มีแผลในกระเพาะ และความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยที่มีโรคทางระบบทางเดินหายใจที่มีภาวะหลอดลมหดเกร็ง เป็นต้น   ซึ่ง“นิ่ว”เกิดจากการรวมตัวกันของผลึกของเกลือแร่หรือหินปูนจนเป็นก้อนนิ่ว เช่น ดื่มน้ำน้อยกว่าปกติ หรือรับประทานอาหารบางประเภทที่มีเกลือแร่ขับออกมาทางน้ำปัสสาวะมาก เช่น พวกเครื่องในสัตว์ พวกผักสด หน่อไม้ เป็นต้น จึงเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้  และถ้าใครไม่อยากเป็นนิ่วแนะนำให้ดื่มน้ำมากกว่าวันละ 8 แก้ว กินอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วนและสัดส่วนที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารหวานมาก เค็มมาก และอาหารที่มีกรดยูริกสูง

7 วิธีดื่มน้ำให้ผอม ช่วย "ลดน้ำหนัก" แถมผิวสวยเปล่งปลั่ง

1. ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน

เวลา 06.30-07.00 น. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอนตอนเช้าทันที ช่วงนี้เลือดในร่างกายจะมีความข้นหนืดสูง หลังจากขาดน้ำมาทั้งคืน การดื่มน้ำในตอนนี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และยังช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

2. ช่วงสายๆ ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว

เวลา 08.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว โดยดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารเช้า 1 ชม. ไม่ควรดื่มก่อนกินข้าวแบบทันที เพราะจะทำให้น้ำย่อยมีความเจือจางลง ทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ

ถัดมา เวลา 09.00-11.00 น. ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ร่างกายเริ่มทำงานเต็มที่ในช่วงเวลานี้ พอทำงานเต็มที่ก็จะมีของเสียเกิดขึ้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระล้างของเสียเหล่านั้นออกไปจากร่างกาย

3. ดื่มน้ำก่อนมื้อเที่ยง

เวลา 12.00 น. เที่ยงวัน ให้ดื่มน้ำ 1/2 แก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชม. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จิบน้ำล้างปากได้เล็กน้อย ไม่ควรดื่มน้ำตามมากๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร

4. ช่วงบ่าย ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว

เวลา 13.00-16.00 น. ดื่มน้ำ 2 แก้ว ไม่ต้องดื่มน้ำรวดเดียวทั้ง 2 แก้วนะ แต่ให้ใช้การจิบน้ำระหว่างวันไปเรื่อยๆ เพื่อดับกระหาย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวพรรณ ยิ่งใครที่นั่งทำงานในห้องแอร์ ผิวจะแห้ง หยาบกระด้างได้ง่าย จึงควรเติมน้ำให้ผิวในช่วงนี้

5. ดื่มน้ำก่อนมื้อเย็น 1-2 แก้ว

เวลา 17.00-19.00 ช่วงเย็นควรแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย และก่อนจะทานมื้อเย็น ให้ดื่มน้ำก่อนอาหาร 1 ชม. ในปริมาณ 1-2 แก้ว ถัดมาในช่วงหัวค่ำ เวลา 19.00-21.00 น. ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว โดยใช้การจิบน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อให้ระบบเลือด ระบบลำไส้ทำงานได้ดี

6. ก่อนนอน ดื่มน้ำ 1 แก้ว

ในแต่ละวัน ควรเข้านอนเวลา 23.00 น. หรือไม่เกินเที่ยงคืน โดยก่อนจะนอน 1 ชม. ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว เพื่อชำระล้างสิ่งที่ตกค้างในลำไส้ แต่ไม่ควรดื่มใกล้เวลานอนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก รบกวนการนอน ทำให้นอนหลับไม่สนิทได้ 

7. ทำไมการดื่มน้ำ ช่วยลดความอ้วน?

ดื่มน้ำเยอะๆ มีส่วนช่วยในการลดความอ้วน เพราะการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายของเราให้ลงได้ และถ้าดื่มก่อนมื้ออาหาร 1 ชม. ก็จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ด้วย อีกทั้งช่วยในการย่อยอาหารให้ระบบย่อยอาหารทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป (ไม่ควรเกิน 10 แก้วต่อวัน) เพราะจะทำให้ไตทำงานหนัก ทำให้เซลล์บวมน้ำ อาการต่อมาคือปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้

PAYMENT:

© SPRING MINERAL WATER CO.,LTD.

bottom of page